เชื่อว่าทุกคนคงรู้กันดีว่า พอตไฟฟ้า เป็นที่รู้จัก เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์สร้างความสุข ที่ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงไหน หรือสถานที่ใดก็ตาม แต่อย่างไรก็ตาม พอตไฟฟ้าก็เหมือนกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป คือมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายจากน้ำ และได้รับผลกระทบจากความชื้นเช่นเดียวกัน ดังนั้นการใส่ใจในเรื่องการใช้งาน จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนทำให้ความสำคัญ นอกจากนี้การศึกษารายละเอียด เกี่ยวกับอันตรายที่เกิดจากการโดนน้ำ ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนควรรู้ เพราะจะทำให้แก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง และถูกวิธี
น้ำสร้างความเสียหายให้กับพอตไฟฟ้าได้อย่างไร
น้ำเข้าในพอต คือเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก แต่ก็เกิดขึ้นได้ โดยหลังจากที่น้ำไหลเข้าพอต ส่วนประกอบภายในจะได้รับความเสียหาย และอาจทำให้เครื่องทำงานผิดพลาด สำหรับใครที่อยากรู้ว่าน้ำสร้างความเสียหายให้กับพอตได้อย่างไร เรามีข้อมูลที่น่าสนใจ มาบอกให้ทุกคนได้รู้ ดังนี้
- เนื่องจากน้ำนำไฟฟ้าได้ จึงเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ในแผงวงจร จึงทำให้เกิดการลัดวงจร และทำให้เกิดการช็อตในระหว่างการใช้งาน
- เมื่อมีน้ำติดค้างอยู่ในตัวเครื่อง น้ำจะกัดกร่อนส่วนประกอบ และอะไหล่ภายในเครื่อง โดยเฉพาะจุดเชื่อมต่อของขั้วแบตเตอรี่ และสายไฟ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของพอตไฟฟ้าลดลง
- แบตเตอรี่ที่ถูกติดตั้งอยู่ในพอตไฟฟ้าค่อนข้างไวต่อน้ำ เมื่อโดนน้ำ หรือความชื้นในปริมาณมาก จะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ลดลง ในกรณีที่รุนแรง อาจทำให้แบตเตอรี่รั่ว หรือเกิดการระเบิดได้
- หากน้ำเข้าไปปนเปื้อนกับน้ำยาในเครื่อง องค์ประกอบทางเคมีของน้ำยา อาจมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้รสชาติ หรือกลิ่นต่างๆ ผิดแปลก และแตกต่างไปจากเดิม
อันตรายและผลกระทบต่อสุขภาพ จากการที่น้ำเข้าไปในพอต
เมื่อผู้ใช้สูบควันจาก พอตไฟฟ้า ที่มีน้ำเข้า โดยเป็นน้ำที่สกปรก ไม่ได้มาจากน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าโดยตรง ผู้ใช้อาจได้รับอันตรายทางสุขภาพ เนื่องจากน้ำที่มีสิ่งสกปรก เต็มไปด้วยเชื้อโรค และสิ่งปนเปื้อน ซึ่งจะไปเปลี่ยนแปลงปฏิกิริยาทางเคมีของน้ำยา ทำให้น้ำยามีรสชาติที่แตกต่างออกไป และยังทำให้น้ำยาเต็มไปด้วยเชื้อโรค ยิ่งดูดสูบเข้าไปในปริมาณมาก ผู้ใช้ยิ่งจะได้รับอันตรายมากยิ่งขึ้น เพราะเชื้อโรคจะไปสะสมในร่างกาย ดังนั้นเมื่อรู้สึกว่าน้ำได้ไหลเข้าไปในส่วนของน้ำยา ให้ทำการเปลี่ยนหัวน้ำยาใหม่ทันที แต่ถ้าใช้พอตแบบใช้แล้วทิ้งอย่าง ks quik ให้หยุดใช้งานตัวเครื่อง แล้วเปลี่ยนไปใช้เครื่องใหม่จะคุ้มค่ามากกว่า
สัญญาณความเสียหายที่เกิดขึ้นจากน้ำ
1.ตัวเครื่องจะเปิดไม่ติด ชาร์จไฟไม่ได้
เมื่อพบเจอสัญญาณนี้ หมายความว่าตัวอุปกรณ์เริ่มมีปัญหา คาดว่าน้ำได้เข้าไปกัดกร่อน และเข้าไปทำลายความเสียหายของส่วนประกอบภายในเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนโลหะ แบตเตอรี่ และอื่นๆ เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเมื่อส่วนประกอบต่างๆ ถูกทำลาย เครื่องจะเปิดไม่ติด และชาร์จไฟไม่ได้
2.ระบบการทำงานของเครื่องจะเกิดการรวน
เครื่องรวนเป็นปัญหาอันดับแรกๆ ที่เกิดจาก น้ำเข้าพอต โดยน้ำที่ไหลเข้าไปในแผงวงจรจะทำให้ Chipset หรืออุปกรณ์สำหรับควบคุมระบบการทำงานของตัวเครื่อง ทำงานผิดพลาด ซึ่งก็จะทำให้เกิดการรวน และทำงานไม่ได้ตามความต้องการของผู้ใช้
3.มีเสียงแปลกๆ และเริ่มมีการช็อต
เมื่อใดก็ตามที่สังเกตเห็นว่าพอตไฟฟ้ามีเสียงแปลกๆ และเริ่มมีการช็อต หมายความว่าเครื่องได้รับผลกระทบจากน้ำที่ไหลเข้าไป กรณีนี้ให้หยุดใช้งานเครื่อง และออกห่างจากเครื่องโดยทันที เพราะนี่คือสัญญาณเตือนอันตราย อาจเป็นไปได้ว่าเครื่องอาจเกิดการระเบิดได้ทุกเมื่อ
วิธีป้องกันไม่ให้ น้ำเข้าพอต
- เมื่อต้องใช้งานพอตไฟฟ้า ks quik ในสถานที่ที่มีความชื้นสูง หรือมีโอกาสที่ตัวอุปกรณ์จะสัมผัสกับน้ำ ผู้ใช้จะต้องมีอุปกรณ์ในการป้องกันน้ำ เช่น ซองกันน้ำ หรือเคสกันน้ำสำหรับพอตไฟฟ้าโดยเฉพาะ
- ถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการใช้พอตไฟฟ้าในสภาพแวดล้อม ที่มีความชื้นมากเกินไป และระวังอย่าใช้พอตไฟฟ้าในห้องน้ำ หรือใกล้กับแหล่งน้ำ
- ตรวจสอบการทำงานของเครื่องเป็นประจำ โดยสังเกตดูความสึกหรอ การชำรุด และการสะสมความชื้นอย่างสม่ำเสมอ ถ้ามีการชำรุด ให้รีบเปลี่ยนส่วนประกอบที่ชำรุดออกไป ถ้ามีการสะสมของความชื้น และคราบน้ำยา ให้เช็ดทำความสะอาดทันที
- จัดเก็บพอตไฟฟ้า รวมถึงพอตใช้แล้วทิ้งในพื้นที่แห้ง โดยพื้นที่ที่เหมาะกับการจัดเก็บที่สุดคือ ห้องที่ปราศจากความชื้น และห้องที่มีอุณหภูมิปกติ ไม่ร้อน และไม่มีแสงเยอะจนเกินไป
การดูแลรักษาเครื่องพอตหลังจากน้ำเข้า
เมื่อมีน้ำไหลเข้าไปในพอต ผู้ใช้จำเป็นต้องนำน้ำออกมาจากเครื่องอย่างรวดเร็ว โดยสามารถทำได้จากการเช็ดทำความสะอาด การผึ่งลม และการเป่าลม หลังจากนั้นให้ดูแลเครื่องพอต ที่เคยมีน้ำไหลเข้าไปเป็นอย่างดี อันดับแรกคือการทำความสะอาด ควรเช็ดคราบสกปรก และคราบน้ำยาที่อาจเกาะอยู่ที่หน้าสัมผัส หรือเกาะอยู่ในส่วนประกอบต่างๆ ภายในตัวเครื่องอย่างสม่ำเสมอ ในส่วนของการชาร์จไฟก็ควรชาร์จให้เพียงพอต่อการใช้งานใน 1 วัน ไม่ควรชาร์จนานเกินไป เพราะอาจทำให้แบตเสื่อมได้ นอกจากนี้ผู้ใช้ควรสังเกตดูความผิดปกติของเครื่องอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเครื่องเริ่มมีปัญหา ให้ติดต่อตัวแทนขายอย่าง Podoverview หรือบริษัทผู้ผลิต เพื่อขอคำแนะนำทันที